ด้วยยุคสมัยใหม่ที่เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่การทำกิจกรรมหลายๆอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมภายในครอบครัว สมัยนี้เราจึงเห็นได้ว่าพ่อแม่หลายคนเลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์มือถือ โดยไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์มือถือนี้เองเป็นตัวการที่ทำให้ลูกของคุณมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าปกติ โดยมีผลการวิจัยยืนยันข้อมูลนี้ด้วยนะคะ ข้อมูลอ้างอิงการวิจัย โทรศัพท์มือถือ เป็นสาเหตุจริงหรือ? จากผลการวิจัยได้มีบทความเล่าถึงผลกระทบจากการอยู่หน้าจอต่อสมองของเด็ก จากเว็บไซต์นิตยสารไทม์บทความเรื่อง ‘Too Much Screen Time Can Have Lasting Consequences for Young Children’s Brains’ โดยเนื้อหาในบทความนั้นบรรยายว่า Sheri Madigan นักวิชาการด้านจิตวิทยาจาก University of Calgary ได้ศึกษาวิจัยในกลุ่มคุณแม่และลูก จำนวนมากถึง 2,441 คน ซึ่งได้มีการติดตามพฤติกรรมของเด็กอายุ 2-5ปี โดยให้คุณแม่บันทึกเวลาที่ลูกใช้โทรศัพท์ในทุกๆวัน หลังจากนั้นให้คุณแม่ตอบคำถามตามตัวชี้วัด ซึ่งตัวชี้วัดนี้จะเกี่ยวกับพัฒนาการของลูก เช่น พฤติกรรมทางสังคม ทักษะในการสื่อสาร การเก็บข้อมูลนั้นจะเก็บครั้งแรกตอนลูกมีอายุ 2 ปี 3 ปี และ 5 ปีตามลำดับ ซึ่งผลจากการวิจัยพบว่า หากเด็กใช้เวลาในการดูโทรศัพท์ 2 – 3 ชั่วโมงใน 1 วัน ยิ่งเด็กใช้เวลาที่หน้าจอมากเท่าไร ยิ่งทำให้พัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็ก แย่ลงเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน โดยเฉพาะในเด็กวัย 2-5 ขวบที่สมองอยู่ในช่วงพัฒนามากที่สุด โดยทางสถาบันกุมารเวชศาสตร์ของอเมริกา ได้สรุปผลการวิจัยว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18...
Tag: <span>พัฒนาการเด็ก</span>
เคล็ดลับ ส่งลูก ไปโรงเรียนวันแรก พ่อแม่ต้องทำอย่างไรบ้าง
คุณพ่อคุณแม่หลายๆคน คงจะเคยเห็นลูกของคนอื่นๆที่ ไปโรงเรียนวันแรก แล้วเกิดอาการร้องไห้ งอแง กันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ แล้วคุณก็คงจะคิดว่าสักวันนึงหากลูกของเราต้องไปโรงเรียนจะร้องไห้แบบนี้ไหมนะ คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะกังวลใจไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ก็ต้องส่งลูกไปโรงเรียนอยู่ดีและช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นการไปโรงเรียนวันแรกของเด็กๆ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ทรมานใจทั้งของลูกและของพ่อแม่เลยทีเดียว ทำไมเด็กถึงร้องไห้..เมื่อต้อง ไปโรงเรียนวันแรก สาเหตุที่ลูกร้องไห้เมื่อต้องไปโรงเรียนเนื่องจาก สภาพแวดล้อมของเด็กเปลี่ยนไป เด็กบางคนไม่เคยห่างจากพ่อแม่เลย เมื่อต้องแยกจากกันจึงร้องไห้งอแง ยิ่งต้องเจอคนอื่นๆที่หน้าตาแปลกๆไม่ใช่คนที่คุ้นเคยด้วยแล้วก็จะยิ่งร้องไห้หนักมากกว่าเดิมนั่นเอง เคล็ดลับในการส่งลูกไปโรงเรียนวันแรก พาไปทำความคุ้นเคยกับโรงเรียนก่อนไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่คงจะรู้แล้วว่าจะต้องพาลูกไปเรียนที่ไหน ให้คุณพาลูกไปทำความคุ้นเคยที่โรงเรียนก่อนการไปเรียนจริง พาไปเล่นของเล่น พาไปดูห้องเรียน หรืออาจพาไปทำความคุ้นเคยกับคุณครูก่อนก็ได้ เพื่อลูกจะได้มีความคุ้นเคยไม่ตื่นตกใจเมื่อมาโรงเรียนวันแรก พาลูกไปซื้อชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า หรืออุปกรณ์เกี่ยวกับการเรียน ให้เค้าเลือกด้วยตนเองว่าอยากจะได้อะไร เพื่อเป็นการกระตุ้นให้อยากไปโรงเรียน ในวันที่ไปโรงเรียนวันแรกคุณพ่อคุณแม่ควรไปรับ ไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วยตนเอง หากโรงเรียนอนุญาตให้ผู้ปกครองอยู่ด้วยได้ในวันแรกคุณก็ควรอยู่กับลูกก่อนเพื่อให้เค้าคุ้นเคยและไม่รู้สึกว่าแม่หนีเค้าไป เมื่อไปส่งลูกวันแรกแน่นอนว่าอาจมีการร้องไห้งอแงบ้าง แต่คุณห้ามใจอ่อนรับกลับบ้านเด็ดขาด เพราะลูกจะเคยตัวและร้องไห้ทุกวันเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน ให้คุณพ่อคุณแม่บอกลูกว่าเดี๋ยวพ่อ-แม่จะกลับมารับเค้าที่โรงเรียนในเวลากี่โมง แล้วก็มาให้ตรงเวลา หรือมาก่อนเวลา เพื่อที่จะได้มาแอบดูลูกว่าเค้าอยู่โรงเรียนทำอะไรบ้าง และ ลูกจะได้ไม่รอนาน ให้กำลังใจ กอด หอม ลูกแล้วชื่นชมเค้าว่าทำดีมาก ลูกทำถูกต้องแล้ว พูดคุยกับลูกเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำที่โรงเรียนเมื่อกลับจากโรงเรียนว่าวันนี้ลูกทำอะไรบ้างที่โรงเรียน ซึ่งการพูดคุยกับลูกเมื่อกลับจากโรงเรียน เป็นการผ่อนคลายความเครียด ความวิตกกังวล นอกจากนี้ พ่อแม่ยังจะได้รู้ว่า เมื่อลูกอยู่ที่โรงเรียนทำกิจกรรมอะไรบ้าง...
นิทาน สิ่งมหัศจรรย์ เสริมสร้างลูกน้อย
นิทาน เมื่อพูดถึงคำนี้เด็กๆจะมีความรู้สึกตื่นเต้นจะรีบวิ่งเข้ามาหาคุณแม่อย่างแน่นอน เด็กชอบการฟังนิทาน เพราะในนิทานมีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นมากมายสำหรับเด็กที่สามารถทำให้เด็กจินตนาการไปตามเรื่องราวของนิทานได้อย่างสนุกสนาน และมีความสุขในเวลาที่นิทานจบลง นิทานเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในครอบครัวที่สามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีของคนในครอบครัวระหว่างพ่อแม่กับลูก จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและได้รับประโยชน์มากมายจากนิทาน นิทาน สามารถเสริมสร้างลูกน้อย อย่างไรบ้าง สร้างสมาธิให้กับลูกน้อย การฟังนิทานคือการเอาใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ตัวเองฟัง จินตนาการไปกับนิทาน จึงเป็นสร้างสมาธิให้กับลูกน้อยได้อย่างดีทีเดียว สร้างจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ การที่ลูกน้อยฟังนิทานโดยเฉพาะนิทานเรื่องใหม่ๆหรือเรื่องแปลกๆที่เด็กยังไม่เคยได้ฟัง ลูกก็จะจินตนาการถึงลักษณะของตัวละครต่างๆที่อยู่ในนิทาน คิดสร้างสรรค์ตามเนื้อหาในนิทานที่พ่อแม่เล่าให้ฟัง การสร้างความอบอุ่น การที่พ่อแม่เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอนทุกคืน จะทำให้ลูกได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่ ทำให้รู้สึกอบอุ่น ลูกได้อยู่กับพ่อแม่และมีความสุขกับการเล่านิทานที่จบลง จะทำให้ลูกหลับสนิท ตลอดทั้งคืน ได้รับความรู้จากนิทาน ในนิทานจะมีเรื่องราวต่างๆที่ลูกจะได้รับความรู้ในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าการอาศัยอยู่ในที่ต่างๆของตัวละคร หรือลักษณะนิสัยต่างๆของตัวละคร ที่เป็นเรื่องใกล้เคียงกับชีวิตจริงของตัวละคร เช่น หมาป่าจะมีฟันที่แหลมคม และในป่าลึกจะมีสัตว์ที่สามารถทำอันตรายให้กับคนได้ เรียนรู้ภาษาที่เหมาะสมตามพัฒนาการ การเล่าถึงเนื้อเรื่องในนิทานเด็กสามารถจำคำพูดของพ่อแม่ที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ได้อย่างง่ายๆจำภาษาที่ควรใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันได้ ในวัยเด็กที่กำลังหัดพูดเขาก็จะได้เรียนรู้ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว สร้างนิสัยรักการอ่าน เมื่อทุกคืนพ่อแม่ได้เล่านิทานให้ลูกฟัง ในเวลาต่อมาเขาจะชื่นชอบการอ่านหนังสือ เริ่มต้นการอ่านด้วยการเลือกนิทานที่ตนเองชอบมาให้พ่อกับแม่อ่านให้ฟัง เมื่อเขาได้มีโอกาสเลือกนิทานที่ตัวเองชอบบ่อยๆลูกก็จะมีนิสัยรักการอ่าน เมื่อลูกสามารถอ่านหนังสือได้เขาจะสนใจในหนังสือที่เขาชอบ แล้วเขาก็จะรักในการอ่านหนังสือ เสริมสร้างจริยธรรม ข้อคิดดีๆในหนังสือนิทานคุณธรรม จะแสดงข้อคิดในการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆได้ดี เมื่อเล่านิทานจบก็จะมีข้อคิดดีๆสอนอยู่ ลูกก็จะได้เรียนรู้และจดจำจริยธรรมจากนิทานได้อย่างง่ายดาย เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่งเสริมให้ลูกช่างคิดช่างถาม เมื่อลูกเกิดความคิดข้อสงสัยต่างๆในนิทาน เขาจะคิดและถามทันที เพื่อไขข้อสงสัยที่มีในตัวเขา เป็นการคิดตามนิทานแล้วเขาสามารถถามได้เลยเพื่อความอยากรู้ของตนเอง เมื่อในชีวิตประจำวันหากลูกสงสัยอะไรเขาก็กล้าที่จะถามเพื่อคลายข้อสงสัยได้อย่างง่ายๆโดยไม่มีความกังวล เทคนิคดีๆ ที่ลูกน้อยต้องชื่นชอบการเล่านิทานของพ่อแม่ การใช้น้ำเสียงที่น่าสนใจ เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงน้อยใหญ่ตามตัวละคร เปลี่ยนเสียงดังขึ้น เบาลง ให้เป็นที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจของลูก แสดงออกทางใบหน้า ไม่ว่าตัวละครจะรู้สึกอย่างไร พ่อแม่ก็ต้องแสดงสีหน้าตามตัวละคร เพื่อให้ลูกเกิดความตื่นเต้นไปกับตัวละครเช่นกัน เลือกเนื้อหาที่มีความสั้นยาว...
ทัศนคติ วิธีคิด และความเชื่อของลูก ที่คุณต้องรู้
ลูกของคุณต้องเผชิญกับความท้าทายเมื่อต้องเรียน มันอาจจะเป็นมากกว่าแรงจูงใจหรือความยืดหยุ่น วิธีการของลูกของคุณอาจเป็นผลมาจากการมีสิ่งที่เรียกว่าความคิดการเจริญเติบโต คำนี้อธิบายว่าเด็กเผชิญกับความท้าทายและความพ่ายแพ้อย่างไร เด็กที่มีความคิดการเจริญเติบโตเชื่อว่าความสามารถของพวกเขาสามารถปรับปรุงได้ตลอดเวลา จากการเปรียบเทียบเด็กที่มีความคิดแน่วแน่ คิดว่าความสามารถของพวกเขาเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักเพียงใด คุณต้องศึกษาพฤติกรรม ทัศนคติ ความคิดของลูกน้อย เพื่อพัฒนาการให้ถูกทาง สำหรับเด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้และความสนใจการมีความคิดในการเติบโตจะมีประโยชน์อย่างแท้จริง มันสามารถช่วยเด็ก ๆ (และผู้ปกครอง) ตัดสินว่าพวกเขาจัดการกับความท้าทายอย่างไร นอกจากนี้ยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภทของการสอนและการสนับสนุนที่สามารถช่วยให้เด็ก ๆ ประสบความสำเร็จมากขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความคิดการเจริญเติบโตและการพัฒนาความคิดการเจริญเติบโตอาจมีความหมายต่อลูกของคุณ กรอบความคิดคืออะไร? กรอบความคิดมีการเจริญเติบโตสูงและได้รับรอบในขณะที่ได้รับการพัฒนา โดยศาสตราจารย์แครอล Dweck มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด Dweck และเพื่อนร่วมงานของเธอได้ทำการศึกษาหลายชุดที่พบว่าเด็ก ๆ ที่เผชิญกับความท้าทายต่างก็เชื่อว่าพวกเขาสามารถพัฒนาความสามารถของพวกเขาได้ เด็ก ๆ ที่ดึงความท้าทายกลับมาเชื่อว่าความสามารถของพวกเขาได้รับการแก้ไขแล้ว นึกภาพเด็กที่ดิ้นรนกับการเขียนและได้คะแนนต่ำในผลการเรียนล่าสุดของเธอ หากเธอมั่นใจว่าเธอ“ เขียนไม่ดี” และไม่มีงานใดเปลี่ยนแปลงได้เลย เธอจะแสดงความคิดที่แน่นอนและมีแนวโน้มที่จะหยุดพยายาม ถ้าเธอบอกว่าเธอมีปัญหาในการเขียน แต่พยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแสดงถึงทัศนคติและความคิดที่เติบโต แต่เด็กไม่สามารถจัดการกับความท้าทายได้ Dweck กล่าว นั่นเป็นหนึ่งในความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับความคิดในการเติบโต – ไม่ว่าคุณจะมีหรือไม่ชอบก็ตาม ในความเป็นจริงเราทุกคนมีการผสมผสานระหว่างความคิดแบบคงที่และเติบโตซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามประสบการณ์ที่เรามีและความคิดเห็นที่เราได้รับ การมีความคิดการเจริญเติบโตนั้นมีความหมายมากกว่าแค่การยอมรับความคิดเห็นและการเปิดใจกว้าง เด็กที่มีความคิดนี้จะรับฟังความคิดเห็นและสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้จากประสบการณ์และสร้างกลยุทธ์สำหรับการปรับปรุง พวกเขาเชื่อว่าแม้ว่าพวกเขาจะล้มเหลวในบางสิ่งพวกเขาก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้ ทำไมกรอบความคิดเจริญเติบโตมากกว่าความพยายาม ความเข้าใจผิดอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับความคิดในการเติบโต ก็คือมันเหมือนกับความพยายาม การรู้จักความแตกต่างสามารถช่วยให้ผู้ปกครองใช้การสนับสนุนแบบที่สามารถช่วยส่งเสริมความคิดการเติบโต บางครั้งผู้ปกครองคิดว่ามันช่วยยกย่องความสามารถของเด็ก ๆ หรือ“ ฉลาด” แต่ถ้าคุณพูดกับลูกว่า“ คุณเก่งคณิตศาสตร์จริง...
กล้ามเนื้อ มัดเล็ก มัดใหญ่ สำคัญต่อการ พัฒนาการเด็ก ใน วัยทารก ยังไง
กล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ในเด็ก ไม่ว่าจะ แรกเกิด ทารก เด็กโต ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต่อการ พัฒนาการเด็ก ในทุกเพศ ทุกวัย เป็นอย่างมาก ซึ่งแต่ส่วนนั้น ทำงานยังไงบ้าง วันนี้เราจะมาอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่ ได้ทราบกัน